top of page

FAQ

KKW-M2 / KKW-M3

Q: การรับประกันของเครื่อง KIKOWA

A: รับประกันเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยให้บริการแบบ on-site service

Q: สามารถใช้น้ำอะไรได้บ้าง

A: ในการผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อจากเครื่อง KIKOWAแนะนำให้ใช้น้ำประปา เพื่อประสิทธิภาพของน้ำยาฆ่าเชื้อที่ดีที่สุด และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบการผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อ

Q: ผู้ใช้จะแน่ใจได้อย่างไรว่าน้ำยาที่ผลิตจากเครื่อง KIKOWA ได้มาตรฐาน สามารถฆ่าเชื้อโรคได้

A: บริษัทได้มีการส่งน้ำยาที่ผลิตจากเครื่อง KIKOWA ไปเพื่อทดสอบจากสถาบันหรือหน่วยงานที่ได้มาตรฐาน ว่าสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ที่ 99.99% ภายในระยะเวลา 30 วินาที

Q: กรณีที่น้ำยาฆ่าเชื้อสัมผัสโดนผิวหนัง หรือดวงตา จะแก้ไขอย่างไร

A: หากเกิดการระคายเคืองผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากไม่ทุเลาให้ไปพบแพทย์

ควรระวังไม่ให้น้ำยาฆ่าเชื้อเข้าตา เนื่องจากเป็นสารกัดกร่อน หากเข้าตาให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดจนอาการระคายเคืองทุเลา หากไม่ทุเลาให้ไปพบแพทย์

Q: เซลล์เมมเบรนมีอายุการใช้งานเท่าไหร่

A: อายุการใช้งานประมาณ 100,000 ลิตร โดยเราประกันทั้งเครื่องแบบ on-site service ที่ 1 ปี กรณีที่เซลล์เสื่อมสภาพสามารถดำเนินการเปลี่ยนเฉพาะชุดเซลล์เมมเบรนได้โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่

Q: ขณะที่เครื่องผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อจะมีแก๊สไฮโดรเจนเกิดขึ้น เครื่อง KIKOWA มีระบบการจัดการอย่างไร และมีอันตรายระหว่างการผลิตหรือไม่

A: ระหว่างการผลิตจะเกิดแก๊สไฮโดรเจน แต่เป็นปริมาณที่น้อยมากจากเทคโนโลยีเซลล์เมมเบรนของเรา โดยที่เครื่องมีช่องระบายแก๊ส และติดพัดลมระบายแก๊สไฮโดรเจนออกไว้ด้วย เพื่อให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน

Q: อัตราการสลายตัวหรือเสื่อมสภาพของน้ำยา

A: เมื่อกดน้ำยาฆ่าเชื้อแล้ว แนะนำให้ใช้น้ำยาทันทีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการฆ่าเชื้อ น้ำยาฆ่าเชื้อโซเดียมไฮโปคลอไรต์ สามารถเก็บไว้ใช้งานได้ไม่เกิน 21 วัน ส่วนน้ำยาฆ่าเชื้อไฮโปคลอรัส สามารถเก็บไว้ใช้งานได้ไม่เกิน 7 วัน

Q: สิ่งที่ควรระวังในขณะใช้เครื่องมีอะไรบ้าง

A: ควรติดตั้งเครื่องในที่ร่ม

Q: ความแตกต่างในการใช้งานระหว่างเครื่อง KIKOWA รุ่น KKW-M2 และ KKW-M3 เป็นอย่างไร

A: ความแตกต่างระหว่างเครื่อง KIKOWA รุ่น KKW-M2 และรุ่น KKW-M3 คือ น้ำยาฆ่าเชื้อที่ผลิตได้จากเครื่อง KKW-M2 จะเป็นโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ส่วนน้ำยาฆ่าเชื้อที่ผลิตได้จากเครื่อง KKW-M3 จะเป็นไฮโปคลอรัส โดยมี by product เป็นน้ำด่าง ซึ่งสามารถนำไปใช้ล้างคราบไขมันตามท่อหรือพื้นได้

Q: หากเกิดความผิดปกติในการใช้งานเครื่อง จะทราบได้อย่างไร

A: รุ่น KKW-M2 จะสังเกตได้จากกลิ่นคลอรีนของน้ำยาจะเจือจางหรือไม่มีกลิ่น ส่วน KKW-M3 แนะนำให้ใช้กระดาษวัดค่าคลอรีนแล้วสังเกตุสี

Q: ต้นทุนการผลิตน้ำยาต่อลิตรเท่าไหร่

A: ต้นทุนในการผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อทั้ง 2 ชนิด ต่ำกว่า 50 สตางค์ ไม่รวมค่าเครื่อง ซึ่งหากเจือจางตามการใช้งานต้นทุนจะลดลงมากกว่านี้ สำหรับประเด็นความคุ้มค่าคือต้องเทียบกับน้ำยาฆ่าเชื้อที่ซื้อใช้ในปัจจุบัน เช่น แอลกอฮอล์ ลิตรละ 100 บาทขึ้นไป เดตตอล ลิตรละ 599 บาทขึ้นไป ส่วนไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ลิตรละ 100 บาทขึ้นไป 

Q: เครื่อง KIKOWA ควรมีน้ำผสมเกลือเหลือไว้ในถังปริมาณเท่าไร

A: สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าน้ำจะหมด และเติมน้ำลงไปเพิ่มได้หรือหากน้ำยังไม่หมดสามารถเติมน้ำและเกลือลงไปเพิ่มได้ ตามสัดส่วนเกลือ 20 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร

Q: ศูนย์บริการมีที่ไหนบ้าง

A: ท่านสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร 064 253 6250

Q: น้ำยาที่ผลิตจากเครื่อง KIKOWA สามารถนำไปใช้ฆ่าเชื้อได้เลยหรือไม่

A: ขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไปใช้งาน โดยสัดส่วนการเจือจางกับน้ำประปาตามความต้องการใช้งานจะระบุไว้ที่ตัวเครื่องและในคู่มือ

Q: เครื่อง KIKOWA ต้องผ่านการทดสอบจาก อย. หรือไม่

A: เครื่อง KIKOWA เป็นเครื่องผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อ จึงไม่ต้องขออนุญาตจาก อย.

Q: ทราบได้อย่างไรว่าน้ำยายังมีประสิทธิภาพอยู่หากกดออกมาใช้แล้วใช้ไม่หมด

A: แนะนำให้ผลิตและใช้งานทันทีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด หากใช้ไม่หมด สำหรับไฮโปคลอรัสแนะนำให้ใช้ภายใน 7 วัน และไฮโปคลอไรต์ให้ใช้ภายใน 21 วัน นับจากวันที่กด

Q: เนื่องจากน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นอันตราย ห้ามดื่ม แต่ลักษณะเหมือนน้ำเปล่า มีวิธีป้องกันไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้ใช้อย่างไร

A: แนะนำให้จัดทำภาชนะบรรจุน้ำยาที่กดจากเครื่องแยกต่างหาก และมีสัญลักษณ์หรือข้อความกำกับไว้ให้ชัดเจนบนภาชนะนั้น

Q: น้ำยาฆ่าเชื้อของ KIKOWA เมื่อเทียบกับการเอาคลอรีนไปผสมแตกต่างกันอย่างไร

A: การนำคลอรีนผง หรือการใช้สารฟอกขาว จะมีค่าความเป็นพิษทางเคมีมากกว่าน้ำยาที่ผลิตจากเครื่อง KIKOWA 

Q: ประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโรคหลังการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ KIKOWA

A: น้ำยาที่ผลิตจากเครื่อง KIKOWA จะฆ่าเชื้อโรคภายใน 30 วินาที หลังจากนั้นสามารถทำความสะอาดได้ตามปกติ

KIKOWA@HOME

Q: เครื่องใช้งานอย่างไร

A: ใช้น้ำประปา 2 ลิตร + เกลือ 20 กรัม หรือ 2 ช้อน (ช้อนตวงที่ให้มาพร้อมกับเครื่อง) ผสมเกลือในน้ำประปาคนให้เกลือละลายเข้ากัน หลังจากนั้นเทลงในเครื่อง เริ่มใช้งานโดยกด On/Off เพื่อเข้าโหมดการทำน้ำยาแบบอัตโนมัติ 30 นาที (สังเกตุสัญลักษณ์ที่หน้าจอและเปิดฝาดูฟองที่ขั้วอิเล็กโทรด) เครื่องจะพ่นหมอกอัตโนมัติ หรือถ้าต้องการพ่นหมอกทันทีให้กดปุ่ม On/Off ครั้งที่ 2 เพื่อเข้าสู่โหมดการพ่นหมอกทันที ในโหมดพ่นหมอกนี้สามารถปรับระดับความแรงในการพ่นได้ 3 ระดับ และสามารถตั้งเวลาในการเปิดให้พ่นหมอกได้ 4 ระดับ คือ 1, 2 ,4 และ 8 ชม. (sleep mode) ถ้ากด On/Off ครั้งที่ 3 จะเป็นโหมดทำน้ำยาแบบตั้งเวลาเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของน้ำยา สามารถปรับได้ 3 ระดับ คือ 1, 2 และ 4 ชม. เพื่อสำหรับนำไปใช้งานตามลักษณะการใช้งานต่างๆ ตามที่คู่มือกำหนดให้ใช้

Q: อายุการใช้งานเครื่องนานแค่ไหน

A: อย่างน้อย 1 ปี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการดูแลรักษาเครื่อง แนะนำให้ศึกษาจากคู่มือเพิ่มเติมสำหรับการดูแลรักษาเครื่อง

Q: ต่างกับเครื่องยี่ห้ออื่นอย่างไร

A: เครื่องของเราหน้าตาอาจจะคล้ายกับเครื่องในท้องตลาด แต่ของเราเป็นนวัตกรรมอิเล็กโทรไลซิสที่ได้ร่วมทำการวิจัยกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และเครื่องของเรามีการรับประกันสูงสุด 6 เดือน 

Q: เครื่องจะเป็นสนิมหรือไม่ เนื่องจากเป็นน้ำเกลือและน้ำยามีค่าความเป็นด่างสูง 

A: หากใช้งานเป็นปกติอย่างต่อเนื่องจะไม่เป็นสนิม
แต่มีโอกาสเป็นสนิมได้หากไม่ได้ใช้งานอย่างต่อเนื่องหรือล้างไม่สะอาด แนะนำลูกค้าหลังการใช้งานเสร็จแล้วหากไม่ได้ใช้เครื่องเป็นเวลานาน ให้ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า 2 รอบ แล้วเช็ดให้แห้ง หากเกิดสนิมที่ขั้วอิเล็กโทรด ให้แช่น้ำส้มสายชูล้างสนิม เช็ดด้วยผ้า แล้วตามด้วยการล้างน้ำเปล่า จะสามารถใช้งานเครื่องได้ตามปกติ

Q: วิธีบำรุงรักษาเบื้องต้นสำหรับผู้ใช้คืออะไร

A: กรณีไม่ใช้งานเครื่องเป็นเวลานาน ให้ล้างด้วยน้ำเปล่าและเช็ดชิ้นส่วนทั้งหมดให้แห้ง แล้ววางในที่แห้ง

Q: สำหรับบ้าน คอนโด ห้องพัก ที่มีเครื่องตรวจจับควัน สัญญาณจะเตือนไหม

A: มีโอกาสที่สัญญาณจะเตือนเมื่อใช้โหมดพ่นหมอกอยู่ แนะนำให้เปิดโหมดพ่นหมอกที่ระดับเบาสุดคือเบอร์ 1 และไม่เปิดทิ้งไว้เป็นเวลานาน

Q: น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นอันตรายหรือไม่

A: น้ำยาตัวนี้ไม่เป็นอันตรายเนื่องจากวัตถุดิบที่มีเพียงน้ำและเกลือ ไม่มีสารเคมีใด ๆ เจือปน แนะนำให้ใช้ตามประเภทการใช้งานในคู่มือ น้ำยาที่ผลิตออกมาเป็นสารประกอบคลอรีน ห้ามใช้สำหรับผู้ที่แพ้คลอรีน

Q: ราคาน้ำยา เทียบกับแอลกอฮอล์

A: น้ำยาที่ผลิตได้จากเครื่อง KIKOWA มีต้นทุนในการผลิตลิตรละไม่เกิน 0.50 บาท ส่วนแอลกอฮอล์ ราคาประมาณลิตรละ 70 บาท

Q: เปรียบเทียบคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียเมื่อเทียบกับการใช้แอลกอฮอล์

A: ข้อดี: ไม่ระเหยง่าย ไม่ติดไฟ อ่อนโยนต่อผิว ผลิตใช้เองได้ตามต้องการ ราคาถูก ประโยชน์การใช้งานหลากหลายกว่าแอลกอฮอล์ สามารถนำไปล้างผัก-ผลไม้ เพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัดสารเคมีตกค้างได้ แช่เท้าฆ่าเชื้อโรคได้ ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
ข้อเสีย: อายุการใช้งานสั้น เพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุดแนะนำให้ผลิตน้ำยาใหม่ทุกวัน

Q: เมื่อผลิตน้ำยาแล้วเก็บได้นานแค่ไหน

A: น้ำยาฆ่าเชื้อที่ผลิตเสร็จแล้วสามารถเก็บไว้ใช้ได้ 7 วัน หากเปิดเฉพาะโหมดพ่นหมอกอย่างเดียว สามารถใช้ได้เลยโดยไม่ต้องทำน้ำยาใหม่ หากเกิน 7 วันแล้วใช้ไม่หมด แนะนำให้เทน้ำยาทิ้งแล้วเริ่มผลิตน้ำยาใหม่

Q: จะตรวจสอบได้อย่างไรว่าน้ำยาที่ผลิตออกมายังมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้ออยู่

A: สังเกตได้จากกลิ่น น้ำยาฆ่าเชื้อจะมีกลิ่นคลอรีนอ่อน ๆ คล้าย ๆ กับกลิ่นสระว่ายน้ำ

Q: ผู้ใช้จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าน้ำยานี้ฆ่าเชื้อได้จริง

A: 1. บริษัทได้ทำการตรวจสอบคุณภาพของน้ำยาที่ผลิตจากเครื่อง KIKOWA จากแล็บส์ทดสอบทั้งภาครัฐและเอกชน และได้ผ่านการทดสอบจาก รศ.ดร.วรากร ลิ่มบุตร จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
2. สามารถตรวจสอบน้ำยาฆ่าเชื้อเองได้โดยการใช้เครื่อง ATP 

bottom of page